เมนู

อัญโญ อนุสโยติกถา



[1570] สกวาที กามราคานุสัยอย่างหนึ่ง กามราคปริยุฏฐาน
ก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. กามราคะอย่างหนึ่ง กามราคปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. กามราคะอันนั้น กามราคปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กามราคานุสัยอันนั้น กามราคปริยุฏฐานก็อันนั้น
แหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1571] ส. ปฏิฆานุสัยอย่างหนึ่ง ปฏิฆปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปฏิฆะอย่างหนึ่ง ปฏิฆปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปฏิฆะอันนั้น ปฏิฆปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปฏิฆานุสัยอันนั้น ปฏิฆปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1572] ส. มานานุสัยอย่างหนึ่ง มานปริยุฏฐาน ก็อย่างหนึ่ง หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. มานะอย่างหนึ่ง มานปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. มานะอันนั้น มานปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มานานุสัยอันนั้น มานปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1573] ส. ทิฏฐานุสัยอย่างหนึ่ง ทิฏฐิปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทิฏฐิอย่างหนึ่ง ทิฏฐิปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ทิฏฐิอันนั้น ทิฏฐิปยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทิฏฐานุสัยอันนั้น ทิฏฐิปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1574] ส. วิจิกิจฉานุสัยอย่างหนึ่ง วิจิกิจฉาปริยุฏฐานก็อย่าง
หนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิจิกิจฉาอย่างหนึ่ง วิจิกิจฉาปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. วิจิกิจฉาอันนั้น วิจิกิจฉาปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. วิจิกิจฉานุสัยอันนั้น วิจิกิจฉาปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1575] ส. ภวราคานุสัยอย่างหนึ่ง ภวราคปริยุฏฐานก็อย่าง
หนึ่ง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ภวราคะอย่างหนึ่ง ภวราคปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ภวราคะอันนั้น ภวราคปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ภวราคานุสัยอันนั้น ภวราคปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1576] ส. อวิชชานุสัยอย่างหนึ่ง อวิชชาปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อวิชชาอย่างหนึ่ง อวิชชาปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. อวิชชาอันนั้น อวิชชาปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อวิชชานุสัยอันนั้น อวิชชาปริยุฏฐานก็อันนั้นแหละ

หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1577] ป. ไม่พึงกล่าวว่า อนุสัยอย่างหนึ่ง ปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง
หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ปุถุชน ครั้นเมื่อจิตที่เป็นกุศลหรืออัพยากฤต เป็นไป
อยู่ พึงกล่าวว่า ผู้มีอนุสัย หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พึงกล่าวว่า ผู้มีจิตอันปริยุฏฐานกลุ้มรุม หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น อนุสัยก็อย่างหนึ่ง ปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง
น่ะสิ.
ส. ปุถุชน ครั้นเมื่อจิตที่เป็นกุศลหรืออัพยากฤต เป็นไป
อยู่ พึงกล่าวว่า ผู้มีราคะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พึงกล่าวว่า มีจิตอันปริยุฏฐานกลุ้มรุม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ถ้าอย่างนั้น ราคะก็อย่างหนึ่ง ปริยุฏฐานก็อย่างหนึ่ง
น่ะสิ.
อัญโญ อนุสโยติกถา จบ

อรรถกถาอัญโญ อนุสโยติกถา



ว่าด้วย อนุสัยเป็นอย่างหนึ่ง



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องอนุสัยเป็นอย่างหนึ่ง คืออย่างอื่นจากปริยุฏฐาน.
ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอันธกะทั้งหลายว่า
ปุถุชน ครั้นเมื่อจิตเป็นกุศล หรืออัพยากตะกำลังเป็นไป พึงกล่าวได้ว่า
เขามีอนุสัย แต่ไม่พึงกล่าวว่าเป็นผู้มีปริยุฏฐาน เพราะฉะนั้น อนุสัยก็
เป็นอย่างหนึ่ง ปริยุฏฐานก็เป็นอย่างหนึ่ง ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า
กามราคานุสัยอย่างหนึ่ง เป็นต้น โดยหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือพึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในเรื่อง
อนุสัยกถา ในหนหลังนั้นนั่นแหละ.
อนึ่ง คำว่า ผู้มีอนุสัย เป็นต้น ท่านย่อมแสดงซึ่งความที่คำอัน
บุคคลพึงกล่าวว่า ปุถุชนชื่อว่าเป็นผู้มีอนุสัยเพราะความที่ผู้นั้นยังมิได้
ละอนุสัยในขณะนั้น และย่อมแสดงซึ่งความที่คำอันบุคคลพึงกล่าวว่า
บุคคลเป็นผู้มีปริยุฏฐานเพราะกิเลสอนุสัยนั้นยังมิได้เกิดขึ้น มิใช่แสดง
ถึงความที่อนุสัยกิเลสเป็นคนละอย่างกับปริยุฏฐานกิเลส เพราะฉะนั้น
คำที่ยกมาอ้างนั้น จึงมิใช่ข้อพิสูจน์ว่าอนุสัยเป็นคนละอย่างกับปริยุฏฐาน
ดังนี้แล.
อรรถกถาอัญโญอนุสโยติกถา จบ